และแล้วก็ถึงวันที่เฝ้ารอคอยด้วยความระทึกใจ คือ วันที่จะได้ไปทริปกับอาจารย์จิ๋วเพราะก่อนหน้านี้ มีแนวโน้มสูงมากที่ไม่ได้ไป แต่อาจารย์ทุกท่านก็ได้พยายยามทำจนสำเร็จ เพื่อที่จะมอบความรู้ ประสบการณ์จริงให้แก้นักศึกษาทุกคน
เตรียมตัวมาอย่างดี เสื้อผ้าพับใส่กระเป๋า พร้อมกล้อง สมุดสเกตและรองเท้าหมีสีส้ม พร้อมลุย !!!!!
ก่อนไปทริปใหญ่ มีการชิมลางกันก่อน โดยไปกันที่ บ้านเขาแก้วและหอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยยวน ที่จังหวัดสระบุรี
บ้านเขาแก้ว
เป็นบ้านทรงไทยแบบเดิม ซึ่งได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ของอาจารย์ ทรงชัย บรรยากาศของบริเวณเป็นแบบชาวบ้านดั่งเดิม มีการปลูกไม้ยืนต้น และพืชผักสวนครัวรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ไว้ภายในบริเวณบ้าน ส่วนด้านหลังของบ้านจะมีบ่อน้ำ ซึ่งบ่อน้ำที่อยู่รอบๆอาคารหลังต่างๆจะช่วยให้บริเวณอาคารต่างๆรู้สึกเย็นสบาย
หอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยยวน
ตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามบ้านเขาแก้ว ลักษณะเป็นอาคารไม้ ภายในบริเวณบ้าน มีการจัดลานไว้สำหรับรวมกลุ่ม แสดงศิลปะพื้นบ้านไทยยวน ทำกิจกรรมต่างๆ และมีการจัดเวทีลดหลั่งไปตามระดับ เพื่อให้มีลูกเล่นในการแสดง ด้านหลังมีแม่น้ำป่าสักไหลผ่าน ซึ่งเป็นบรรยากาศที่สวยงามน่าประทับใจมาก
เข้าสู่วันแรกของทริป ใหญ่ กันเลย………
วันที่ 1 ( เสาร์ ที่ 15 กรกฎาคม 2554)
เรือนแพ
ชาวบ้านอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ใช้ชีวิตบนน้ำโดยเริ่มแรกใช้ในการคมนาคมทางน้ำกันมาก เกิดจากการค้าขายริมน้ำ ตลาดน้ำ และบ้านเรือน เป็นวิถีชีวิตที่เป็นไปตามธรรมชาติ อาศัยร่วมกับธรรมชาติทั้งบนบกและในน้ำ บ้านจะสร้างบนแพใช้ไม้ไผ่ ที่มัดเป็นกอใหญ่ๆ เพื่อให้สามารถรับน้ำหนักของบ้านและทำให้ลอยน้ำได้ การยึดติดของบ้านใช้น้ำและเนินดินบนตลิ่งในการช่วยพยุงให้ไมไหลไป มีคุณยายท่านหนึ่งบอกว่า ในหน้าน้ำมากจะต้องเลื่อนบ้านให้ไปใกล้ตลิ่งแล้วผูกกับต้นไม้ไว้แต่ถ้าช่วงน้ำลดจะใช้การติดตลิ่งบนเนินดินก็ได้ ไม้ไผ่ที่ใช้เหล่านี้ก็จะมีการเน่าเปื่อยตามกาลเวลา จึงต้องมีการเปลี่ยนเรื่อยๆ โดยการใช้กระแสน้ำ คือ ฐานไม้ไผ่ด้านล่างนี้สามารถถอดออกไดเพียงการปลดเชือกที่ผูกออก กแล้วำไม้ไผ่ที่มัดใหม่แล้วปล่อยมาจากต้นน้ำแล้วให้ไหลเข้าในบริเวณที่ต้องการ นอกจากนี้กอไผ่นี้ยังใช้ในการปลูกต้นใบเตยโดยการอาศัยความผุของไม้ในการเลี้ยงดู เป็นการแใช้ภูมิปัญญาที่เกิดจากการดำรงชิวิตของคนพื้นถิ่น
วันที่ 2 ( อาทิตย์ ที่ 16 กรกฎาคม 2554)
วัดศรีรองเมือง
เมื่อมองเข้ามาผ่านซุ้มประตูจะเห็นหลังคาที่ซ้อนกันหลายชั้นขึ้นไปตามช่วงของบันได โครงสร้างหลังคาอาคารจะเป็นสองชั้น ด้านล่างก่ออิฐฉาบปูน มีลักษณะที่ได้รับอิทธิพลจากพม่า เป็นโครงสร้างไม้ทาสีแดง ประดับลวดลายสีทองงดงามตระกานตา รอบๆมีต้นไม้หลากหลายชนิด ล้อมรอบวัดไว้ และยังมีเจดีย์โบราณและโบสถ์เล็กๆอยู่ด้านข้างพื้นทีนโดยรอบค่อนข้างกว่า นอกจากเป็นการปลูกต้นไม้ทั่วไปแล้ว ยังเป็นพืชที่กินได้และใช้เลี้ยงสัตว์ด้วย
วัดพระแก้วดอนเต้า อ.เมือง จ.ลำปาง
ลำปางจะมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากรูปแบบสถาปัตยกรรมของพม่า แต่วัดพระแก้วดอนเต้าจะเป็นลักษณะของล้านนา ที่จะมีเจดีย์เป็นประธาน โบสถ์เล็กๆไม่ได้ทำหน้าที่ประธาน ศาลาการเปรียญเป็นอาคารทรงตึก หลังคาทรงลำยอง ซุ้มลายใบเสมาแบบพม่า ซ้อนชั้นฉัตรแบบล้านนา เน้นด้านหน้าด้วยการลดชั้น โชว์โครงสร้างไม้ หลังคาปีกนกมี 2 ตับ 3 ตับ จะเป็นแบบพิเศษ ปั้นลมจะปิดอย่างเดียว แต่แบบล้านนาจะมีการก่อปูนปิดหัวให้เรียบร้อย บางแห่งจะมีเสาเป็นโถงมุก การซ้อนชั้นของหลังคาจะขยายออก ที่จะสัมพันธ์กับความสูง
วันที่ 3 ( จันทร์ ที่ 17 กรกฎาคม 2554)
วัดปงสนุก
เป็นวัดที่ได้รับรางวัล ASIAN PACIFIC AWARD เป็นอาคารรูปแบบล้านนามีความงามแบบพอดี ธรรมดาไม่ได้หวือหวา มีการบูรณะจนต้องมีปูนมาฉาบหลังคาและเปลี่ยนลานทรายด้านหน้าออก ซึ่งลานดินนั้นเพื่อหลายสาเหตุ คือ ลานทรายทำให้หญ้าต้นไม้ต่างๆ ไม่สามารถงอกขึ้นได้ เพราะเนื่องจากกฎของพระสงค์ที่ห้ามพรากของเขียว (ต้นไม้ ใบหญ้า ) และป้องกันสัตว์เลื้อยคลาเข้ามาในอาคารด้วย การวางผังที่จะไม่เข้าเส้นแกนเป็นแนวตรง แต่จะมีการเยื้องออกไปด้านข้าง คือลักษณะการวางผังจะไม่สมมาตรกันต่างจากวัดทั่วไปที่เน้นแนวแกนเป็นสำคัญ และใช้มณฑปเป็นศูนย์กลาง แต่เดิมวิหารของวัดปงสนุก เป็นลักษณะแบบลำปาง ซึ่งจะมีความใหญ่ เล่นปริมาตรของบัวที่ตกแต่ง เป็นสามมิติ เล่นเส้นลวดบัวกับช่องว่างทำให้กำแพงมีน้ำหนัก และตัวประตู ลักษณะของวิหารเป็นวิหารเล็กๆ มีซุ้มประตูสี่ทิศซึ่งแต่ละทิศไม่เหมือนกัน และมีโครงสร้างหลังคาที่แปลก ซับซ้อน และน่าสนใจ ส่วนมณฑปเป็นแบบล้านนา เชิงชายห้อยด้วยระฆังที่เป็นลักษณะเฉพาะ ( เรียกว่าสถาปัตยกรรมมีเสียง) ในรูป แสดงลวดลายเส้นปูนปั้นตัดกับพื้นกำแพงชัดเจน และปูนปั้นพญานาคเล่นเส้นไปสู่ตัวกำแพง
วัดไหล่หิน
ลักษณะอาคารเป็นอาคารหลังเล็กๆ กระจายตามจุดต่างๆซึ่งการทิ้งระยะห่างของอาคาร เพื่อปลูกต้นไม้และรับแสงเข้าสู่อาคาร อีกทั้งตัววิหารมอแล้วเหมือนใหญ่มากแต่พอเข้าไปกลับดูเล็ก เนื่องจากการสร้างรูปแบอาคาร และการสร้างมุมมองเพื่อให้สดุดตาและประทับใจเมื่อแรกพบ แต่ละอาคารใช้การแบ่งพื้นที่ด้วยลานทรายที่ต่างระดับกัน และกำแพงที่มีแมกไม้ปกคลุม ที่แทรกอยู่ตามแมกไม้ส่วนใหญ่เป็นต้นโพธิ์ ที่เป็นพื้นที่ให้ร่มเงา นั่งเล่น และเป็นพื้นที่รวมกลุ่มเพื่อกิจกรรมต่างๆ มีลานทรายโดยรอบ เดิมเป็นอาคารเก็บคัมภีร์โบราณ มีลักษณะโครงสร้างแบบวัดปงสนุก ข้างหลังปลูกต้นโพธิ์ จะเห็นได้ว่าพื้นที่จะมีต้นโพธิ์จำนวนมาก ซึ่งต้นโพธิ์แทนศาสนา และใช้ไม้เพื่อค้ำต้นโพธิ์ไว้เสมือนการค้ำจุนศาสนา วิหารเป็นลักษณะวิหารโบราณที่ใช้ปูนโบราณ ซึ่งจะไม่ค่อยเรียบร้อยนักที่เกิดอีกมิติ ทางสถาปัตยกรรมแบบโบราณที่มีคุณค่าและน่าสนใจ ส่วนโครงสร้างอาคารเป็นแบบโครงสร้างล้านนาแต่ มีการตัดขื่อออกเพื่อไม่ให้บังพระประธาน สามารถเอานาคสดุ้งมาวางบนหัวแปได้ ซึ่งปกติทำไม่ได้ ส่วนกระเบื้องแบ่งเป็นตัวผุ้ตัวเมียที่ซ้อนเหลื่อมกันสามารถถอดเปลี่ยนออกได้ รูปขื่อตุ้มรับน้ำหนักเพิ่มแล้วยังใช้ในการรับแปเนื่องจากการลดระดับหลังคา
วัดพระธาตุลำปางหลวง จังหวัดเชียงใหม่
ชุมชนพื้นเมืองในเขตล้านนา มีอยู่สองกลุ่ม คือ กลุ่มเผ่าไทย และพวกลัวะ กลุ่มเผ่าไทยอาศัยอยู่ที่ราบ ส่วนชาวลัวะอยู่บนที่สูงอยู่กับระบบนิเวศ ทำการเพาะปลูกเช่นเดียวกัน แต่ชาวลัวะปลูกข้าว พืชไรบนที่สูง ตามแนวเขาและปลุกบ้านล้อมนาไว้ อาคารจึงมีลักษณะวางอยู่บนเนินสูง Space ด้านหน้าทึบ ข้างในโปร่ง เชื่อมต่อกับส่วนต่างๆ ลาน ช่องเสา ค้ำยัน โครงสร้าง วิหารมี 3 วิหาร 1.วิหารหลวง 2.วิหารต้นแก้ว 3.น้ำแต้ม ส่วนวิหารคดจะไม่ฉาบปูน ..รูป..ด้านบนโปร่งด้านล่างทึบ กำแพงทึบ+หลังทึบเตี้ย
วันที่ 4 ( อังคาร ที่ 18 กรกฎาคม 2554)
โรงแรมราชมรรคารา
รูปแบบของโรงแรมมาจากรูปแบบของวัดทางภาคเหนือ โดยการนำรูปลักษณ์ของวัดมาประยุกต์กับรูปแบบบโมเดิร์นมาประยุกต์ใช้กับฟังก์ชั่นโรงแรม ได้อย่างลงตัวและสวยงาม ด้านหน้าเป็นลานหิน ที่ใช้เป็นลานจอดรถที่กลืนไปกับพื้นที่โดยรอบด้าน ที่เป็นต้นไม้ ใช้ผนังอาคารสีขาว ตัดด้วยสีน้ำตาล Space ของอาคารแบบวัดนอกจาดลานทรายแล้วยังมีคอร์ดกลางที่ เป็นเอกลักษณ์สำคัญด้วย ซึ่งใช้เป็นส่วน สาธารณะ แต่อาคารนี้เป็นโรงแรมจึงต้องใช้คอร์ดเพื่อแบ่งพื้นที่ห้องพักแต่ละชุด นอกจากจะได้ความเป็นส่วนตัวของแต่ละพื้นที่แล้วยังเป็นการเปิดมุมมองที่กว้างขึ้นของแต่ห้องด้วยเพราะที่ตั้งของโรงแรมค่อนข้างแคบและไม่มีวิวทิวทัศน์อะไร และการแบ่งพื้นที่นั้นก็ได้นำรูปแบบของ vertical garden มาเป็นกำแพงกั้นระหว่างแต่ละพื้นที่ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและยังสามารถเพิ่มความสวยงาม มองแล้วสบายตาอีกด้วย โรงแรมยูเชียงใหม่ เป็นอาคารที่ขอเข้าไปแค่ 4-5 คน พร้อมกับอาจารย์เจ็ง เนื่องจากตามเพื่อนไม่ทันและตกรถ ด้วยการขอแบบไม่เป็นทางการทางโรงแรมจึงห้ามถ่ายรูป โรงแรมยูเชียงใหม่เป็นโรงแรมที่ใช้อาคารเก่า ที่เป็นบ้านไม้เก่า มาปรับปรุงให้เป็นโรงแรม ซึ่งยังคงสภาพของอาคารเดิมเอไว้ทั้งหมด แต่สามารถออกแบบพื้นที่ได้อย่างสอดคล้องลงตัวอย่างมาก เข้ามาในส่วนแรกเป็นอาคารเก่าที่ใช้เป็นโถงต้อนรับบรรยากาศเย็นๆ วัสดุไม้สีเข้ม มีฟิตเนส ห้องสมุดด้านบน และโถงก็เชื่อมต่อแบบกึ่ง out door ไปที่สระว่ายน้ำและที่พักด้วยการแบ่งพื้นที่ด้วยวัสดุและต้นไม้ เปลี่ยนจากพื้นไม้ เชื่อมต่อเป็นทางเดนลานกรวดและไม้พุ่ม ไม่สูงมาก แล้วจึงยก step ขึ้นไปเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำ และทางเดนหลบอีกนิดจากแนวแกนเป็นห้องพักที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว รูปแบบของอาคารใหม่ เข้ากันอย่างดีทั้งที่วัสดุต่างกันเป็นโรงแรมที่มีความน่าสนใจมาก
4 ( อังคาร ที่ 18 กรกฎาคม 2554)
หมู่บ้านไทยลื้อ
เป็นลักษณะของเรือนล้านนนา ในที่นี้เป็นก่รยกบ้านของชาวไทยลื้อมาตั้งไว้ในมหาวิยาลัยเชียงใหม่เพื่อใช้การศึกษา อาคารนี้มาจา ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ลักษณะเป็นเรือนไทยแท้ๆ โดยไม่มีอิทธิพลของอะไรมาบดบัง ลักษณะของบ้านล้านนาแบ่งเป็นสี่ส่วน คือ นอกชาน (พะไล) พื้นที่เอนกประสงค์(เติ๋น) ใช้การนอนรวมกันโดยการกางมุ้ง ด้านหน้าห้องนอนเป็นส่วนนั่งเล่น กินข้าว ทำกิจกรรมต่างๆ ) ห้องนอน และส่วนครัว ที่เป็นกึ่ง outdoor มีหลังคาคลุม และใช้การลดระดับลงมาจากส่วนพื้นที่บ้านเพื่อเป็นการแบ่งแยกพื้นที่การใช้งานทีไม่ถึงกับเด็ดขาด และมีคววามเชื่อมต่อกันอยู่
ด้านนอกจะมีอาคารยุ้งฉาง ไว้สำหรับเก็บข้าวสัดสว่นอาคารค่อนข่างสูง เพื่อกันสัตว์ และเกวียนในสมันก่อนก็มีขนาดที่สูงใหญ่ด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือฝาที่เป็นฝาไม้โบราณ มีการเล่นทึบโปร่ง ในส่วนต่างๆ เพื่อเอาแสง และทึบโปร่งตามมการใช้งาน ใช้เพดานเป็นที่เก็บของ เรียกว่า ควั่น เรือนไทยลื้อนี้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตวัฒนธรรมการเป็นอยู่ของคนสมัยนั้น ที่เเรียบง่าย และเน้นที่ว่างที่มีความต่อเนื่องโดยไม่ต้องใช้ผนังกั้น หรือกั้นแบบทึบบ้าง โปร่งบ้าง ตัวบ้านมีความโปร่ง โล่ง เชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมภายนอก
วัดพันเตา (วัดพันเท่า)
เป็นพระวิหารไม้สักขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นอาคารทรงพื้นเมืองล้านนา เดิมเป็นหอคำ หรือคุ้มหลวง ของเจ้าเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยไม้แกะสลักที่มีลวดลายโดดเด่นสวยงาม และวัดได้มีประเพณี ที่ใช้กะลาจุดไฟเป็นพันๆดวง ในประเพณีนี้สวยงามเป็นอย่างมาก
วันที่ 5 ( พุธ ที่ 19 กรกฎาคม 2554)
วัดต้นเกว๋น(วัดอินทราวาส )อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
องค์ประกอบวัดประกอบด้วย วิหาร ศาลาการเปรียญ กุฎิสงฆ์ หอระฆังมณฑปจัตุรมุข และศาลารอบพระวิหาร ลักษณะเป็นวิหารจัตุรมุข สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนา หลังคาซ้อนสามชั้นลดหลั่งกันไป มีลวดลายเพดาน ส่วนหลังคาใช้กระเบื้องดินขอ ราวบันไดด้านหน้าเป็นปูนปั้นพญานาค บริเวณอาคารด้านหน้าเป็นลานทรายโล่ง มีฮ้านน้ำ ด้านข้างมีสนามหญ้าและล้อมด้วยกำแพงเตี้ยๆอีกชั้นหนึ่ง
หมู่บ้านแหนน้อย อำเภอสันป่าตอง
เป็นการอยู่ด้วยธรรมชาติ ใช้วัสดุที่หาได้ในพื้นที่ในการสร้างบ้าน โดยการหยิบโน้น ผสมนี่ มาประกอบกันจนเกิดรูปแบบของลวดลายจากวัสดุพื้นถิ่นที่ต่างกัน จากภูมิปัญญาของชาวบ้านเอง
วันที่ 6 ( พฤหัสบดี ที่ 20 กรกฎาคม 2554)
บ้านเสานัก(หมายถึงเสามาก มีถึง 116 ต้น)
เป็นบ้านไม้ โทนสีน้ำตาลเข้มดูกลมกลืนและเข้ากับธรรมชาติโดยรอบ ด้านนอกเป็นลานปรวด เป็นเส้นนำสายตาเข้าสู่บ้าน ด้านบนเป็นไม้ ด้านล่างเป็นปูน ช่วงด้านล่างจะลดระดับลงไปใต้ดิน สามารถที่จะไปใช้งานได้ เช่นกินข้าว นั่งเล่น มีความเย็นสบาย เนื่องจากความเย็นของดิน และลมที่พัดผ่านใต้ถุน
วันที่ 7 ( ศุกร์ ที่ 21 กรกฎาคม 2554)
วัดมหาธาตุ (สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย)
เป็นวัดหลวงมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ ผังของวัดมีคู่น้ำล้อมรอบอยู่สามชั้น มีกลุ่มโบราณสถานอยู่ตรงกลาง แสดงถึงความสำคัญที่ชัดเจน ส่วนเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ที่เป็นลักษณะสืบทอดต่อๆกันมาในสุโขทัย ในพื้นที่จะสังเกตได้ว่ามีเจดีย์จำนวนมาก นั้นเป็นเพราะว่าผู้คนมีความเชื้อในเรื่องการสร้างวัดสร้างเจดีย์จะได้บุญมาก ใครมีบุญก็สร้างกันต่อมาเรื่อยๆ โดยขยายตัวออกจากศูนย์กลาง จนเต็มพื้นที่ตามที่พบเห็น
วันที่ 8 ( เสาร์ ที่ 22 กรกฎาคม 2554)
โรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท อยู่ใกล้กับสนามบินสุโขทัย
อาคารใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัย มาประยุกต์ใช้กับอาคารโดยที่หลังคา เป็นหลังคาแบบสุโขทัย โดยเน้นพื้นที่คอร์ทเริ่มจากทางเข้า จะเป็นหลังคาตลอดแนวทางเดิน เป็นเส้นนำสายตาเข้าสู่อาคารแล้วมุ่งเข้าสู่คอร์ทกลางที่มีต้นไม้และบ่อน้ำอย่างสวยงาม แล้วค่อยกระจายตัวออกด้านข้าง เป็นลักษณะของระเบียงล้อมรอบ ที่มีเสาอยู่เรียงราย
วัดนางพยา
เป็นวัดเจดีย์ทรงลังกา ประกอบซุ้มเรือน มีพระธาตุเป็นประธาน ก่อระเบียงด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ มีบันไดที่มองเห็นได้จากด้านนอก เป็นบันไดที่ใช้ขึ้นไปบนเจดีย์ ซึ่งค่อนข้างสูง บริเวณผนังมีช่องระบายอากาศตามแบบสุโขทัยและอยุธยาตอนต้น
วันที่ 9 ( อาทิตย์ ที่ 23 กรกฎาคม 2554)
วัดมหาธาตุ(วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ)
เป็นลักษณะของช่างสุโขทัยโดยหลังคาลดหลั่งกัน 3 ชั้นเป็นปูนค่อนข้างทึบ ใช้การระบายอากาศเพิ่มด้วยการระบายอากาศจากหลังคา แต่ปัจจุบันได้ถูกปิดไปแล้วเนื่องจากน้ำฝนได้ไหลเข้ามาตามกระเบื้อง อาคารเน้นประตูทางเข้า เปิดโล่ง เข้าไปจะเจอโถงที่ให้ความรู้สึกเลื่อมใสหน้าเคารพ เป็นพื้นที่ที่เห็นองค์พระได้ชัดเจน และเป็นพื้นที่ให้ผู้คนได้มากราบไหว้ด้วย
วันสุดท้ายถึงเวลากลับมาลาดกระบัง ด้วยความอ่อนเหนื่อยเมื่อยล้า ที่าพร้อมกับความรู้และความสนุกสนานอย่างที่สุด